หลังสอบเสร็จก็ได้เวลาออกไปเที่ยวกันแล้วสิ พวกเรา Into the wild รอบนี้ก็ไม่พลาดที่จะยกก๊วนชวนกันเที่ยวตามเคย ปิดเทอมนี้มีเวลาน้อยไปไหนได้ไม่ไกล เลยตกลงกันว่าจะไปนั่งฟังเสียงใบไม้ไหวใกล้กรุงที่ ชุมชนบ้านถ้ำเสือ จ.เพชรบุรี ก็แล้วกัน เพื่อน ๆ อยากไปกันแล้วใช่มั้ยล่ะ!

ภารกิจหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองครั้งนี้ พวกเราเลือกเดินทางโดยรถตู้สาธารณะ กรุงเทพฯ-แก่งกระจาน จากสายใต้ปิ่นเกล้า (สายใต้เก่า) ราคา 200 บาท ลงหน้าเขาช้าง รถไม่ได้จอดที่หน้าชุมชนเลยนะ เราต้องโทรให้คนในชุมชนมารับอีกที (ติดต่อที่เบอร์ 089-915-3320 ได้เลย)
ว่าแต่ชุมชนบ้านถ้ำเสือมีดีอะไร?
ชุมชนบ้านถ้ำเสือ เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งกระจานจังหวัดเพชรบุรี ชุมชนนี้อยู่ติดกับแม่น้ำเพชร บรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่น คนในชุมชนที่นี่ก็น่ารักและเป็นกันเอง เหมาะกับการมาพักผ่อนสไตล์พวกเรา Into the wild เป็นที่สุด พอเก็บของกันเสร็จก็ได้เวลาที่พวกเราจะเริ่มสำรวจพื้นที่รอบ ๆ คุณลุงเชาว์ ลุงผู้ใหญ่บ้านของที่นี่ชี้ให้เราเดินไปตามทางที่จะพาไปเจอลำธารได้ เดินกันไม่ถึง 5 นาทีก็ได้เจอธารน้ำตามที่ลุงบอกจริง ๆ มันสวยมาก แถมระหว่างทางก็ได้เห็นต้นไม้หลากหลายชนิด เจ้ากระรอกออกมาทักทายแล้วยังได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดทางอีกต่างหาก


ระหว่างที่นั่งเล่นกันเพลิน ๆ ก็หยิบข้าวเหนียวหมูขึ้นมากินไปด้วย แน่นอนว่าเที่ยวแบบพวกเรา Into the wild ครั้งนี้ก็ไม่ลืมกรอกน้ำใส่ขวดพกติดตัวมา จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อน้ำขวดเพิ่มขยะให้ชุมชนอีกไงล่ะ 🌿


อิ่มท้องแล้วก็ได้เวลาหากิจกรรมทำกันแล้วสิ พวกเราเดินตามลุงเชาว์ไปดู 'หมูหลุม' ที่ไม่ใช่ชื่ออาหารจานเด็ดหรืออะไรนะ~ แต่มันคือหนึ่งในวิธีการเลี้ยงหมูของคนในชุมชนบ้านถ้ำเสือ ที่เปลี่ยนจากคอกปูนเป็นหลุมดินแทน ทำให้คอกไม่เหม็นเหมือนที่เคยเจอ แถมหมูที่นี่เค้ากินโสมเป็นอาหารด้วยนะ
(กินดีกว่าพวกเราอีก 55)

“อยากได้ลูกเสือ ต้องเข้าถ้ำเสือ”
แต่ถ้าคุณมาบ้านถ้ำเสือ คุณจะได้เจอ ‘เสือคลุกดิน’

เสือคลุกดินที่ว่าก็คือกระสุนเมล็ดพันธุ์ที่เอามาปั้นกับดินนั่นแหละ แต่ที่นี่เขาจะเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่เป็นไม้ยืนต้นอย่างเดียวเท่านั้น แล้วตอนปั้นก็ต้องให้ขนาดพอดีอย่าเล็กหรือใหญ่ไปด้วยนะ ขนาดพอดีหรอ? 🤔 คงต้องให้เพื่อน ๆ มาลองปั้นเองแล้วล่ะ เพราะที่พวกเราปั้นไม่มีลูกไหนออกมาเท่ากันเลยสักลูก.. (ลูกกระสุนที่เราปั้นไว้ยังไม่แห้ง ปกติเค้าจะปล่อยทิ้งไว้ให้กลุ่มถัดไปเอาไปใช้แทน) พอปั้นเสร็จแล้วคนในชุมชนก็จะพาไปยิงที่เขตป่าชุมชนกัน


ถ้าถามว่าใครชนะ? คำตอบคือ..
เสมอจ้า
เพราะแต่ละลูกที่ยิงกันเล่นไปตกกองอยู่ตรงตีนเขาทุกลูกเลย 😅



ตะวันตกดินก็ได้เวลาหามื้อเย็นกินกันแล้ว ครั้งนี้พวกเรา Into the wild มาพักที่โฮมสเตย์ของชุมชนบ้านถ้ำเสือที่โทรจองไว้ ก็เลยมีโอกาสได้ชิมมื้อเย็นฝีมือเจ้าถิ่นผสมกับขี้มือ เอ้ย! ฝีมือของแก๊งพวกเราด้วย เมนูเด็ดของวันนี้คือ 'ผัดกูด' ที่เอามาทำยำ บวกน้ำพริกกุ้งแกล้มผักสดกับไข่เจียว จัดว่าเด็ด! ตอนแรกก็คิดว่าเหนื่อยเพราะเดินทาง แต่ตอนนี้น่าจะเหนื่อยเพราะกินเยอะแล้วล่ะ และตามนั้น.. หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ปิดไฟเข้านอน ไว้เจอกันตอนไก่ขันแล้วกันน้า
วันที่ 2 ตื่นมาตอน 7 โมงเช้า ได้ยินเสียงเอะอะในครัวพวกเราก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ไปอุ้มวัว เอ้ย!
ไปเข้าครัวตามไปเสริมทัพทำอาหารกับคุณป้า ก่อนกลับพวกเรา into the wild ก็ได้ไปล่องเรือชมสองฝั่งแม่น้ำเพชรเป็นกิจกรรมสุดท้าย ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 1 ชม. แน่นอนก็ต้องใส่ชูชีพให้พร้อมเพราะความปลอดภัยต้องมาก่อน!ระหว่างทางลุงเชาว์ก็ชวนคุยเรื่องต้นไม้ไปเรื่อย แล้วยังเด็ดผลไม้ข้างทางให้เรากินด้วย แถวนี้มีนกเยอะเลย สายดูนกคนไหนพกไบน็อคมาต้องฟินมากแน่!

ในที่สุดก็ได้เวลากลับกรุงเทพฯ แล้ว จบทริปสายอีโค่มือใหม่กับพวกเรา into the wild เป็นยังไงกันบ้าง EP แรกของพวกเราสนุกหรือเปล่า? ทริปนี้ใช้งบไม่เกิน 1,000 บาทแถมได้ทำหลายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
ในส่วนของสรุปค่าใช้จ่ายหรือใครต้องการเดินทางมาด้วยวิธีอื่น พวกเราก็มีสรุปง่าย ๆ ไว้ให้ตามลิงก์นี้เลยจ้า 🌱 วิธีการเดินทางและสรุปค่าใช้จ่ายทริปบ้านถ้ำเสือ

จบบันทึกการเดินทาง EP.1 ของพวกเรา Into the wild..